เทคนิควิธีชงนมเด็กที่ถูกต้อง และการเลือกนมสูตรย่อยง่าย ช่วยป้องกันลูกไม่สบายท้อง

อาหารที่ดีที่สุดของลูกวัยทารกคือ นมแม่ แต่คุณแม่บางคนก็มีความจำเป็นไม่สามารถให้นมแม่ได้ นมผง จึงเป็นทางเลือกของคุณแม่ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการใช้นมผงก็คือ “การชงนม” เพราะหากคุณแม่ชงนมผงไม่ถูกต้องจะส่งผลให้ลูกไม่สบายท้อง ท้องเสียได้ และอาจทำให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีอยู่ในนมน้อยลงด้วย คุณแม่จึงไม่ควรมองข้ามวิธีชงนมที่ถูกต้อง

วิธีชงนมเด็กที่ถูกต้องป้องกันลูกไม่สบายท้องได้

– ล้างมือให้สะอาด
– ทำความสะอาดขวดนม จุกนม และนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องใช้ชงนมทุกชิ้นเพื่อฆ่าเชื้อโรค
– ต้มน้ำให้เดือดจนเห็นฟองอากาศผุดขึ้นมา ทิ้งไว้ให้เย็นลงที่อุณหภูมิห้อง
– ปฏิบัติตามคำแนะนำปริมาณการชงนมบนกล่อง
– ใส่น้ำสุกอุ่นที่ตั้งทิ้งไว้ลงในขวดตามปริมาณที่แนะนำ
– เติมนมผงตามปริมาณที่กำหนด
– ปิดฝาขวด แกว่งขวดเบาๆ (ไม่จำเป็นต้องเขย่าแรง) หรือใช้ข้อมือหมุนขวดวนเป็นวง เพื่อให้นมผงละลาย และป้องกันการเกิดฟอง
หยดน้ำนมลงบนหลังมือเพื่อทดสอบอุณหภูมิว่าไม่ร้อนจนเกินไป
– หากนมมีฟองมาก ให้ตั้งทิ้งไว้สักครู่ก่อนป้อนเด็ก เพราะหากป้อนขณะมีฟอง เด็กจะดูดฟองนี้เข้าไปทำให้ท้องอืดได้
– ไล่ลมให้ลูกหลังมื้อนมทุกครั้ง

วิธีเก็บรักษานมที่ชงแล้ว
– นมที่ชงและกินแล้ว
นมเด็กที่ชงแล้วจะเสียเร็ว นมที่ป้อนเด็กแล้ว ควรให้เด็กกินให้หมดภายใน 1 ชั่วโมง ถ้าไม่เช่นนั้นก็ต้องทิ้งไป
– นมเด็กที่ชงแต่ยังไม่ได้กินและนำไปแช่เย็น
หากชงนมแล้วยังไม่กินทันที ให้ปิดฝาขวดนมให้มิดชิด นำไปแช่ตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-4 องศาเซลเซียส ไม่แนะนำให้แช่นมในช่องแช่แข็ง และไม่ควรเก็บนมที่ชงแล้วเกิน 24 ชั่วโมง
– นมเด็กที่ชงแต่ยังไม่ได้กินและไม่ได้นำไปแช่เย็น:
ไม่ควรให้เด็กกินนมที่ชงแล้วโดยไม่แช่เย็นเกินกว่า 2 ชั่วโมง

ทำไมไม่ควรใช้น้ำร้อนชงนมเด็ก

สำหรับวิธีชงนมที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันลูกไม่สบายท้องนั้น คุณแม่ไม่ควรใช้น้ำร้อนชงนมให้ลูก เพราะความร้อนจะไปทำลายสารอาหารบางอย่างในนม เช่น โปรตีนและวิตามินอย่างวิตามินซี ที่จะไม่ทนความร้อน และนมสูตรที่ผสมจุลินทรีย์สุขภาพก็จะถูกทำลายได้ง่าย ลูกก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากจุลินทรีย์สุขภาพและวิตามินเหล่านั้น หากต้องการให้ลูกกินนมอุ่นก็ให้ใช้น้ำอุ่นประมาณ 60 องศาเซลเซียสชงนม เพื่อป้องกันการทำลายจุลินทรีย์สุขภาพและสารอาหารในนม อีกทั้งการใช้น้ำร้อนจะทำให้ไขมันในนมจับตัวเป็นก้อน ทำให้นมไม่ละลายด้วย