การเคลมประกันภัยรถยนต์

อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องไม่คาดคิดที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิด ซึ่งแต่ละครั้งก็นำมาซึ่งความเสียหายและค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อย “ประกันภัยรถยนต์” จึงเป็นเหมือนการคุ้มครองเงินในกระเป๋าของเรา เพราะบริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่าย และจัดการความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเหล่านี้

แต่มือใหม่หัดขับหลายๆ คนก็ยังไม่รู้ว่าถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ จะต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องเคลมยังไง ยิ่งถ้าเป็นอุบัติเหตุครั้งแรก หลายๆ คนก็มักจะตื่นตระหนกลนลานจนทำอะไรไม่ถูก

ขั้นตอนการเคลมประกันโดยรวม

โดยปกติแล้ว ในขั้นตอนการเรียกเคลมประกัน สิ่งแรกที่คุณควรทำคือการตั้งสติให้ดี แล้วรวมรวบข้อมูลรายละเอียดของอุบัติเหตุ ความเสียหายโดนรวม และสถานที่เกิดเหตุ จากนั้นโทรแจ้งไปยังศูนย์ประกัน

โดยการเรียกเคลมนั้นมีด้วยกัน 2 รูปแบบ โดยมีชื่อเรียกเป็นศัพท์ในวงการ ดังนี้

แบบเคลมสด

การเคลมแบบสด คือ การเคลม ณ ที่เกิดเหตุ โดยจะมีพนักงานจากบริษัทประกันออกไปตรวจสอบทันที โดยสามารถแยกออกได้เป็น 2 รูปแบบ ดังนี้

เคลมสดแบบมีคู่กรณี

คือ กรณีที่รถชนรถด้วยกันเอง โดยพนักงานจากบริษัทประกันจะพิจารณาว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด โดยฝ่ายที่ผิดอาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ให้กับคู่กรณีก่อน ตามแต่ที่ตกลงไว้กับทางบริษัทประกัน
เคลมสดแบบไม่มีคู่กรณี

คือ กรณีที่รถของผู้ถือประกันชนเข้ากับสิ่งของหรือวัตถุจนเกิดความเสียหายมาก เช่น ชนต้นไม้หรือเสาไฟฟ้า โดยกรณีนี้ผู้ถือประกันจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ก่อนเสมอ

ขั้นตอนการเคลมแบบ “เคลมสด”

เตรียมกรมธรรม์เอาไว้ให้พร้อมและโทรแจ้งไปที่ศูนย์ประกันของคุณ แจ้งหมายเลขกรมธรรม์ ชื่อ ทะเบียนและยี่ห้อรถ ตำแหน่งที่เกิดเหตุ และรายละเอียดเหตุการณ์ โดยจะมีตัวแทนจากบริษัทประกันออกมาเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์

อาจใช้เวลาสักครู่หนึ่งกว่าที่ตัวแทนจากบริษัทประกันจะมาถึง ระหว่างนี้ให้คุณเตรียมเอกสารต่างๆ ไว้สำหรับยื่นเรื่อง คือ บัตรประชาชน ใบขับขี่ กรมธรรม์ และเล่มทะเบียนรถ

เมื่อประกันมาถึงแล้วจะทำการประเมินเหตุการณ์ หากเป็นกรณีที่มีคู่กรณีจะต้องตรวจสอบด้วยว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูกหรือผิด โดยฝ่ายที่ผิดอาจต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) เพื่อเยียวยาคู่กรณีก่อน ตามแต่ที่ตกลงไว้กับทางบริษัท

หลังจากที่ตรวจสอบเหตุการณ์และประเมินค่าเสียหายเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทประกันจะออกใบประเมินความเสียหายให้ผู้ถือประกันนำรถไปเคลมกับอู่ซ่อมรถในเครือบริษัทได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม

ตรวจสอบเหตุการณ์และประเมินค่าเสียหาย
แบบเคลมแห้ง

การเคลมแบบแห้ง คือ การเคลมหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไประยะหนึ่งแล้ว (ไม่ควรเกิน 2-3 วัน) มักจะเคลมจากกรณีที่รถยนต์เกิดการเฉี่ยวหรือชนที่ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย โดยผู้ถือประกันจะต้องเป็นฝ่ายบันทึกเหตุการณ์อย่างชัดเจนว่า ชนเข้ากับอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน แล้วแจ้งเคลมกับทางบริษัทประกันด้วยตนเอง

โดยการเคลมแห้งจะมีกรณีพิเศษคือการ “เคลมรอบคัน” ซึ่งจะทำการเก็บรายละเอียดรอยต่างๆ รอบทั้งคันให้กับรถของคุณ แต่ความคุ้มครองนี้จะมีเฉพาะประกันชั้น 1 เท่านั้น
วิธีแจ้งเคลมแห้ง ดังนี้

ถ่ายรูปหลักฐาน ณ ที่เกิดเหตุ ความเสียหาย รวมถึงบันทึกเวลาและสถานที่ไว้ให้ชัดเจน

ติดต่อไปยังศูนย์ประกันแล้วแจ้งความเสียหาย จากนั้นจะมีการนัดตรวจสอบสภาพรถว่าเสียหายจริงตามที่แจ้งมาหรือไม่

เมื่อทำการตรวจสอบต่างๆ เรียบร้อยแล้ว บริษัทประกันจะออกใบประเมินความเสียหายให้ โดยสามารถนำไปส่งเคลมกับอู่ในเครือของบริษัทประกันได้ทันที

*** แบบเคลมแห้งอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนแรกก่อน ประมาณ 1,000 – 4,000 บาท ตามแต่ตกลงกับบริษัทประกัน
กรณีใดบ้างที่ประกันจะไม่คุ้มครอง

ใช้รถยนต์ในทางผิดกฎหมาย เช่น ขนส่งยาเสพติด หรือปล้นทรัพย์สิน
ใช้แต่งซึ่งเพื่อนำไปแข่งขัน ซึ่งเป็นการใช้รถยนต์ผิดประเภท แถมยังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
อุบัติเหตุที่ผู้ขับขี่มีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดเกินกว่า 150 มิลลิกรัม หรือก็คือ เมาแล้วขับนั่นเอง
นำรถไปใช้งานแบบลากจูง ซึ่งถือว่าเป็นการใช้รถยนต์ผิดประเภทที่จะทำให้รถยนต์เสียหายโดยไม่ได้เกิดจากการใช้รถแบบปกติ
นำรถไปใช้นอกอาณาเขตคุ้มครอง คือ การขับขี่รถออกไปนอกประเทศนั่นเอง แต่หากจำเป็นต้องเอาไปสามารถแจ้งกับทางบริษัทประกันได้แล้วแต่กรณี
อุบัติเหตุจากสงคราม การปฏิวัติต่อต้าน อาวุธปรมาณู และความเสียหายจากกัมมันตภาพรังสี ก็ขอแนะนำว่าถ้ามีการเกิดสงครามขึ้นมา เราอย่าขับรถเข้าไปเสี่ยงเลยครับ