แว่นกรองแสง คืออุปกรณ์ที่ช่วยกรองแสงสีฟ้าหรือแสงสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นแสงที่ถูกปล่อยออกมาจากอุปกรณ์ดิจิตอลไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นอันตรายต่อดวงตา ช่วยลดอาการปวดตาจากการจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ และลดปัญหาตาพร่ามัวได้เป็นอย่างดี อุปกรณ์นี้จะช่วยถนอมดวงตาโดยมีเลนส์กรองแสงเป็นส่วนประกอบสำคัญ ทำให้การเลือกแว่นกันแสงคอมฯ ควรพิจารณาที่เลนส์เป็นหลัก
1. แสบตา เคืองตา
ถ้าเริ่มรู้สึกหรือมีอาการแสบตาหรือเคืองตาโดยไม่ทราบสาเหตุ แล้วเป็นคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ นั่นอาจเป็นสัญญาณไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากโดยปกติตาคนเราจะมีการกระพริบตาอยู่ตลอดเวลาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20 ครั้งต่อนาที เพื่อให้มีน้ำมาล่อเลี้ยงตา แต่ในขณะที่จ้องคอมฯ เป็นเวลานาน มักมีการกระพริบตาลดลงถึง 60% ทำให้ผิวตาแห้งและรู้สึกแสบตา เคืองตา รวมทั้งแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากคอมพิวเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดอาการตาแห้ง วิธีป้องกันคือควรกระพริบตาบ่อยๆ ระหว่างการใช้งานคอมพิวเตอร์ และการสวมแว่นกรองแสงก็สามารถช่วยได้
2. คันตา
อาการคันตาก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่า ควรพกแว่นกรองแสงติดตัวเอาไว้แล้ว เพราะเกิดจากปัญหาตาแห้งเช่นกัน จึงทำให้รู้สึกคันตา จากการกระพริบตาน้อยลงและเกี่ยวข้องกับแสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์ด้วย ดังนั้นถ้าเริ่มรู้สึกผิดปกติที่ดวงตาแล้วมีอาการคันตาร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าดวงตากำลังได้รับอันตรายจากแสงคอมพิวเตอร์นั่นเอง
3. ตาแดง
อาการตาแดงเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยทั่วไปที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีมักเกิดจากไวรัส ที่ทำให้เป็นโรคตาแดง แต่บางครั้งการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน หากใครมีอาการตาแดงแล้วเป็นคนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นประจำ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ากำลังมีปัญหาจากแสงสีฟ้า ดังนั้นควรพกแว่นกรองแสงติดตัวไว้
4. ตาพร่ามัว
อาการตาพร่ามัว มองเห็นจุดดำตรงกลางสายตา ภาพตรงกลางไม่ชัด นั่นเป็นสัญญาณร้ายที่กำลังบอกว่าจอประสาทตาอาจจะเสื่อม ซึ่งมาจากแสงสีฟ้าเป็นสาเหตุสำคัญ ปัญหานี้ป้องกันได้โดยการพกแว่นกรองแสงติดตัว โดยเฉพาะในคนที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน
5. มองเห็นภาพซ้อน
การมองเห็นภาพซ้อนเป็นปัญหาหนึ่งที่เกิดจากการเสื่อมของจอประสาทตา และการเสื่อมนั้นมีแสงสีฟ้าเป็นสาเหตุสำคัญด้วย ในคนที่ต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมฯ นานๆ ติดต่อกันโดยเฉลี่ย 3.5 ชั่วโมงต่อวันขึ้นไป ทำให้สายตาใช้งานมาก รับแสงมากและส่งผลต่อการเสื่อมของจอประสาทตาในที่สุด วิธีป้องกัน ได้แก่ การติดแผ่นกรองแสงไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือการสวมแว่นกรองแสง
6. เมื่อยตา
เวลาที่ใช้สายตามากๆ อาจทำให้เกิดการเมื่อยของดวงตาได้ โดยการจ้องคอมพิวเตอร์นานๆ ก็มีส่วนในอาการดังกล่าว และแสงจากคอมพิวเตอร์ก็ทำให้ต้องเพ่งหน้าจอมาก จนกล้ามเนื้อดวงตามีอาการเกร็งทำให้เมื่อยตา ตาล้า เป็นปัญหาเบื้องต้นส่งสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพตา และแสงสีฟ้าก็เป็นต้นเหตุที่เกี่ยวข้องเช่นกัน
7. ตากระตุก
ตากระตุกมักเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อตามากเกินไป โดยการจ้องหรือเพ่งเป็นเวลานานติดต่อกัน โดยเฉพาะการใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกวัน วันละหลายชั่วโมงติดต่อกันก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตา เป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าเริ่มมีปัญหาทางสายตาแล้ว และเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่มาจากแสงคอมพิวเตอร์ คนที่มีอาการดังกล่าวจึงควรพกแว่นกรองแสงเอาไว้เพื่อถนอมสายตา
8. ปวดกระบอกตา
เป็นอีกอาการที่ส่งผลเสียอย่างมาก กับการปวดกระบอกตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนมากจนเกินไป ใช้งานในเวลาที่ติดต่อกันนานๆ เป็นประจำทุกวัน ทำให้ต้องเพ่งนานและดวงตายังสัมผัสกับแสงสีฟ้ามากๆ ส่งผลให้เกิดอาการปวดตาได้ บางรายถึงกับปวดตาเรื้อรังลามไปถึงปวดศีรษะ เป็นอีกหนึ่งสัญญาณร้ายที่บ่งบอกสุขภาพดวงตา
9. สู้แสงไม่ค่อยไหว
อาการสู้แสงไม่ค่อยไหว มีลักษณะที่การมองเห็นผิดปกติไปเมื่ออยู่ในภาวะแสงสว่าง คือถ้าหากอยู่ในที่สลัวจะสามารถมองทุกอย่างได้เป็นปกติ แต่เมื่ออยู่ในที่สว่างจะรู้สึกไม่สบายตา เคืองตา มีน้ำตาไหลออกมา นั่นเป็นอาการของคนที่สู้แสงไม่ได้ ซึ่งการจ้องคอมฯ นานๆ ในชีวิตประจำวันก็มีส่วนที่ส่งผลกระทบนี้ โดยแว่นกรองแสงจะช่วยปกป้องปัญหานี้ได้เช่นกัน
10. สายตาเอียงหรือสั้นมากๆ
อีกหนึ่งสัญญาณสำคัญที่พบเกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ก็คือปัญหาสายตาทั้งสั้นและเอียงมาก ในคนที่มีปัญหาสายตาเหล่านี้อยู่แล้ว จะพบว่าหลังการใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน จะพบว่าค่าสายตาสั้นและเอียงเพิ่มขึ้นมาก สาเหตุหนึ่งเพราะสายตาได้รับผลกระทบจากแสงสีฟ้า จึงควรพกแว่นกรองแสงติดตัวไว้